ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ - สายพันธุ์ ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์เป็นสุนัขขนาดกลางหนัก 35-40 ปอนด์ (16-18 กิโลกรัม) สำหรับเพศผู้และ 30-35 ปอนด์ (13-16 กิโลกรัม) สำหรับเพศเมีย

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์เพศผู้ไหล่กว้าง 18-19 นิ้ว; เพศเมียมีขนาดเล็กกว่าที่ 17-18 นิ้ว

ร่างกายเป็นทรงจัตุรัสและหัวเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์โดยทั่วไปจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเมื่อายุครบ 30 เดือน แม้ว่าพวกเขาจะมีร่างกายโตเต็มวัยตั้งแต่อายุ 6 ถึง 8 เดือน

ขนของซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ มีลักษณะ "เปิด" หมายความว่ามันไม่มีขนด้านใน ขนทั้งสองแบบของซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียคืออเมริกันและไอริช ขนแบบอเมริกันมีความทันสมัยแต่ต้องดูแลมากกว่า ในขณะที่ขนแบบไอริชมีลักษณะเป็นคลื่นๆเงาๆ ขนทั้งสองชนิดต้องการดูแลอย่างต่อเนื่อง พวกเขาไม่ค่อยผลัดขนแตกต่างจากสุนัขที่มีขนสองชั้น แต่ควรดูแลขตัดแต่งขนอยู่เสมอ

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ จำเป็นต้องได้รับการแปรงขนทุกวันหรือวันละหลายๆครั้งเพื่อนไม่ให้ขนพันกัน เป็นสุนัขที่ต้องการการดูแลสูง

ลักษณะนิสัย:

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์เป็นสุนัขที่ฉลาดและกระตือรือล้น เขาไม่ใช่สุนัขที่จะอยู่แต่ในบ้านสุนัข แต่เขาชอบที่จะอยู่กับเจ้าของของเขา สุนัขพันธุ์นี้มีความกระตือรือล้นและสามารถที่จะทำข้าวของเสียหายได้ สำหรับผู้ดูแลมือใหม่อาจจะสงสัยว่าเมื่อไรสุนัขของเขาถึงจากโตเป็นผู้ใหญ่และมีพฤติกรรมที่คงที่ 

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ต้องการการอออกำลังกายในระดับปานกลาง แต่ว่าเขาต้องการทำกิจกรรมต่างๆ หรือเขาอาจจะหาบางสิ่งบางทำด้วยตนเอง เขาฉลาดและมีแนวโน้มที่จะดื้อดึง ทำให้เป็นสุนัขที่อาจจะไม่ค่อยเชื่อฟัง เขาไม่ชอบอยู่ในสายจูงจากสัญชาตญาณรักการเดินทางของเทอร์เรียร์ และเช่นเดียวกับเมื่อเขารู้สึกเบื่อเขาอาจะกัดแทะหรือว่าขุดได้

อาศัยอยู่กับ:

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างมาก เขามีความอดทนต่อแมวและสุนัขตัวอื่นได้ดีหากว่าถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ในขณะสัตว์จำพวกหนู นกและสัตว์เลื้อยคลานควรแยกให้ห่างจากเขา เขาอาจจะฆ่าสัตว์เหล่านี้ได้เนื่องจากสัญชาตญาณของการไล่ศัตรูพืชในฟาร์ม

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์เป็นสุนัขเผ้าระวังที่ดี แต่ว่าไม่ใช่สุนัขอารักขาที่ดี เนื่องจากทุกคนเป็นเพื่อนกับเขา หากเขาไม่ได้รับการฝึกที่ดี เขาอาจจะเห่ามากเกินไปได้ นอกจากนี้เขาอาจจะดึงสายจูงด้วย

สุนัขพันธุ์นี้ไม่ใช่สุนัขที่ติดกับใครคนใดคนหนึ่ง แต่เขาสามารถไปกับใครก็ได้ ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ใม่ใช่สุนัขที่จะเลี้ยงนอกบ้าน

ควรแปรงและหวีขนทุกครั้งที่เขาออกไปเล่นนอกบ้านเนื่องจากขนที่สวยงามของสุนัขพันธุ์นี้จะจับกันเป็นก้อนได้ง่าย เขาต้งการการแปรงและหวีขนทุกวัน ดัดขนทุกสัปดาห์ และอาบน้ำเดือนละหนึ่งครั้ง

ทวีตเทนบางตัวมีอาการแพ้แป้งดังนั้นจึงต้องการอาหารพิเศษเฉพาะตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

นักพัฒนาสายพันธุ์บางคนจัดวีตเทน เทอร์เรียร์ในกลุ่มสุนัขสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ (hypoallergenic) เนื่องจากพวกเขาไม่ผลัดขน ซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไป อาการแพ้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและความไวในการตอบสนองของเขา (sentivitity) ก่อนที่จะนำสุนัขวอเตอร์ ด็อกไปเลี้ยง ควรที่จะพาผู้ที่เป็นผู้ภูมิแพ้นั้นมาที่สถานที่เพาะพันธุ์สุนัขสายพันธุ์นี้ และทดลองมีปฏิสัมพันธ์กับสุนัขเพื่อทดสอบระดับความต้านทาน (level of tolerance) 

วีตเทน เทอร์เรียร์เป็นสุนัขในอุดคติของเจ้าของที่ต้องการสุนัขขนาดกลาง ที่กระตือรือล้นแต่ไม่ได้ต้องการสนามหญ้าขนาดใหญ่ไว้วิ่งเล่น เพียงแค่การเดินหรือว่าเล่นเกมเก็บของก็เพียงพอแล้ว ไม่ควรที่จะทิ้ง่เขาไว้ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน

วีตเทน สามารถมีอายุอยู่ได้ 10 - 15 ปี โดยส่วนใหญ่จะไม่ช้าหรือสงบลงจนกว่าจะอายุมากกว่า 7 ปี 

 

ประวัติ:

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ถูกตั้งชื่อสายพันธุ์จากขนที่มีลักษณะเปิดเป็นลอนคลื่นสีข้าวสาลี สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์โบราณของไอร์แลนด์ จากข้อห้ามทางกฎหมายในการครอบครองสุนัขล่าสัตว์เช่น ไอริช วูล์ฟฮาวด์ (Irish Wolfhound) ดังนั้นสุนัขที่เลี้ยงกันทั่วไปจึงเป็นสุนัขขนาดกลางในฟาร์มที่สามารถทั้งต้อนปศุสัตว์ ล่าสัตว์ กำจักศัตรูพืช และเป็นสุนัขทั้งเฝ้ายามและสัตว์เลี้ยงของครอบครัว สุนัขพันธุ์นี้มีสัมพันธุ์ใกล้ชิดกับเคอร์รี่ บลู เทอร์เรียร์ และไอริช เทอร์เรียร์ 

ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียร์ ไม่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสายพันธุ์สุนัขจาก  the Irish Kennel Club จนกระทั่งในปีค.ศ. 1937  และในปี ค.ศ. 1946 ลูกสุนัข วีตเทน เทอร์เรียร์ จำนวน 7 ตัวได้เดินทางมาถึงที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้ไม่ได้รับความสนใจจนกระทั่งในปีค.ศ. 1957 และได้รับการจดทะเบียนโดย the American Kennel Clubในปีค.ศ. 1973

วีตเทน เทอร์เรียร์ ได้ถูกอยู่ในอยู่ในกลุ่มเทอร์เรียร์ เขามีสายเลือดของความตั้งใจในการทำงานและอ่อนโยน  ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้สามารถทำงานตัวเดียวได้ ยกเว้นแต่หากเขาจะประจบเจ้านายของเขาในฐานะเป็นคู่หูกันและกัน